ไทยประกันชีวิต โชว์ผลประกอบการปี 2567 กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11,682 ล้านบาท เติบโตมากถึง 20.4%
ไทยประกันชีวิต โชว์ผลประกอบการปี 2567 กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11,682 ล้านบาท เติบโตมากถึง 20.4%
ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการปี 2567 โชว์กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11,682 ล้านบาท เติบโตมากถึง 20.4% ผลจากกำไรจากการรับประกันภัยที่มีเสถียรภาพ ควบคู่กำไรจากการลงทุนเติบโต โดยมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 7,336 ล้านบาท และมีอัตรากำไรของธุรกิจใหม่อยู่ที่ 60.8% ทั้งนี้มูลค่าพื้นฐานของกิจการเติบโตอีก 12.6% ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 180,773 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.8 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติให้จ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.5 บาทต่อหุ้น
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือTLI เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 11,682 ล้านบาท หรือเติบโต 20.4% จากปีก่อนหน้า โดยกำไรจากการรับประกันภัยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2566 แม้ว่าภาพรวมสินไหมค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ เน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความคุ้มครอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างความยั่งยืนของกำไรจากการรับประกันภัย
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีกำไรจากการลงทุนเติบโตขึ้นถึง 119.7% เป็นผลจากสภาวะตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น และการปรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกลยุทธ์และมาตรฐานรายงานทางการเงินใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ในปี 2568 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 สินทรัพย์ลงทุนของบริษัทฯ มากกว่า 80% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมด เป็นสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้
ขณะที่มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (Value of New Business : VONB) ในปี 2567 อยู่ที่ 7,336 ล้านบาท โดยอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) มีอัตรา 60.8% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 87,854 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานของกิจการ (Embedded Value) เพิ่มขึ้น 12.6% จากปีก่อน เป็น 180,773 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ CAR Ratio ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 619.4% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้อยู่ที่ 140% สะท้อนสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งอันเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเพื่ออนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลกำไรในปี 2567 ในอัตรา 0.5 บาทต่อหุ้น ซึ่งเงินปันผลจะจ่ายหลังได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และสำนักงาน คปภ. เรียบร้อยแล้ว
นายไชยกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาการบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) และมอบบริการที่มากกว่าให้กับลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยพัฒนานวัตกรรมต่างๆ อาทิ การพัฒนาแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ที่ลูกค้าสามารถเลือกรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) และการสลักหลังกรมธรรม์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Endorsement) ทำให้ลูกค้าเข้าถึงกรมธรรม์ของตนเองได้สะดวกมากขึ้น
การให้บริการชำระเบี้ยประกันภัยผ่านการหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติออนไลน์ หรือผ่าน QR Code บนแอปพลิเคชัน รวมถึงการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Next Best Offer ลูกค้าสามารถพิจารณาตัวเลือกการประกันภัยเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความคุ้มครองได้ และฟีเจอร์ My Wellness การประเมินสุขภาพเบื้องต้นผ่านการสแกนใบหน้า หรือ Vital Scan
นอกเหนือจากการพัฒนาบริการหลังการขายแล้ว บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวดิจิทัลแพลตฟอร์ม “Live Bright ผู้ช่วยสุดสมาร์ทที่ช่วยค้นหาสิ่งที่คุณอยากทำ” โดยใช้ Generative AI มาพัฒนาข้อมูลสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต กระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ รวมถึงการวางแผนชีวิตในแบบเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถวางแผนชีวิตของตนเองและคนที่รักได้ตรงตามความคาดหวังและความต้องการ
“วิสัยทัศน์ของไทยประกันชีวิต คือการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่ส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนระหว่างธุรกิจและสังคม ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยกำหนดแผนแม่บทการพัฒนาสู่ความยั่งยืนและ Roadmap การดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จ เห็นได้จากรางวัลต่างๆ ที่ได้รับ อาทิ รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น อันดับ 1 ประจำปี 2567 จากสำนักงาน คปภ., รางวัล Best Corporate Life Insurance Company – Thailand 2024 จากงาน The Global Economics Awards, รางวัล Most Innovative ESG Insurance Provider 2024 จาก International Finance Awards 2024 ประเทศอังกฤษ, รางวัล Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2024 สาขา Corporate Sustainability Reporting จากสถาบัน Enterprise Asia ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings 2024 ในระดับ “A” โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” นายไชยกล่าว