TTA รายงานกำไรสุทธิจำนวน 852.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2568

TTA รายงานกำไรสุทธิจำนวน 852.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2568

  

 

TTA รายงานกำไรสุทธิจำนวน 852.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2568

โดยมีรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจการลงทุนอื่น

 

  • TTA มีรายได้ จำนวน 7,295.5 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิ จำนวน 852.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2568
  • กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือรายงานผลกำไรสุทธิ จำนวน 173.5 ล้านบาท และมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยที่ 10,565 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิอยู่ร้อยละ 34 ในไตรมาสที่ 1/2568
  • กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งยังคงรักษามูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบในระดับที่สูง จำนวน 683.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1/2568
  • กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรรายงานกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 16.4 ล้านบาท จากปริมาณการขายปุ๋ยที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากปี 2567 เป็น 46.6 พันตัน

 

กรุงเทพฯ 14 พฤษภาคม 2568 – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA มีรายได้ จำนวน 7,295.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งและธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร และผลกำไรสุทธิ จำนวน 852.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2568 ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 23 ร้อยละ 54 ร้อยละ 13 ร้อยละ 7 และร้อยละ 3 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ

 

ฐานะการเงินของ TTA ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยเงินสดภายใต้การบริหาร จำนวน 7.6 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.36 เท่า นอกจากนี้ TTA ยังมีกระแสเงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงานจำนวน 1.174.7 ล้านบาท

 

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/2568 สะท้อนการเติบโตในด้านรายได้และ EBITDA ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการดำเนินธุรกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพ และรายได้จากกลุ่มการลงทุนอื่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ TTA ยังคงรักษาระดับเงินสดภายใต้การบริหารและโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตลอดจนมีการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับสถาบันการเงิน เพื่อรักษาสภาพคล่องและเงินทุนให้เพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจและการลงทุนในอนาคต รวมถึงการชำระหนี้ต่าง ๆ

 

เนื่องจากความต้องการขนส่งสินค้าแห้งเทกองอ่อนตัวลงท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ 1/2568 ดัชนีซุปราแมกซ์ (BSI) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 819 จุด ลดลงจากค่าเฉลี่ย 1.178 จุดในไตรมาสที่ 1/2567 อย่างไรก็ตาม ดัชนีซุปราแมกซ์เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และทำสถิติสูงสุดที่ 10,801 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในช่วงปลายเดือนมีนาคม และมีอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์เฉลี่ยอยู่ที่ 8,321 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในไตรมาสที่ 1/2568 สำหรับภาพรวมปี 2568 นี้ ตามรายงานของ Clarksons Research ได้ประมาณการเติบโตของการค้าสินค้าแห้งเทกองลดลงไปอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ในหน่วยตัน เนื่องจากความต้องการถ่านหิน ธัญพืช และแร่เหล็กที่ลดลง การค้าเมล็ดธัญพืชคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 2.2 สาเหตุหลักมาจากการนำเข้าของจีนที่ลดลง หลังระดับสินค้าคงคลังที่สูงและการผลิตภายในประเทศที่แข็งแกร่งในปี 2567 การค้าแร่เหล็กมีแนวโน้มที่จะลดลงร้อยละ 1.3 สะท้อนถึงการผลิตเหล็กที่อ่อนตัวและความต้องการของประเทศจีนที่ลดลง ในทางกลับกัน การค้าสินค้าเทกองย่อย (Minor Bulk) ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขนส่งของเรือซุปราแมกซ์คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยร้อยละ 0.4 ถึงแม้ว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าหลักอาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในเส้นทางการค้า

 

ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานรายได้ค่าระวางที่ 1,649.7 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ  2 เมื่อเทียบกับปี 2567 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสที่ 4/2567 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากเรือเช่าตามจำนวนเรือเช่าเทียบเท่าที่เพิ่มขึ้น แม้อัตราค่าระวางเรือตลาดจะลดลง โดยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจฯ อยู่ที่ 10,565 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งยังคงสูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 7,905 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 34 ในขณะที่ อัตราการใช้ประโยชน์เรือยังคงสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 99.3 และสามารถทำอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสูงสุดที่ 18,430 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขนส่งทางเรือ (OPEX) อยู่ที่ 4,272 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 19 โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 173.5 ล้านบาท โดยเป็นเจ้าของเรือจำนวน 25 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ 23 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,921 เดทเวทตัน และมีอายุเฉลี่ย 16.8 ปี

 

กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด รายงานรายได้จำนวน 3,980.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากปี 2567 และคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2567 ส่วนใหญ่มาจากงานรื้อถอน (Decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) โดยรายได้จากงานรื้อถอน งานขนส่งและติดตั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 จากปี 2567 เนื่องจากโครงการบริเวณอ่าวไทยที่เริ่มดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสที่ 2/2567 ขณะที่รายได้จากงานวิศวกรรมใต้ทะเลลดลงร้อยละ 19 จากปี 2567 เนื่องจากมีการนำเรือเข้าอู่แห้ง อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 100 ในไตรมาสที่ 1/2568 จากร้อยละ 83 ในไตรมาสที่ 1/2567 ส่วนรายได้จากงานวางสายเคเบิลใต้ทะเลเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากปี 2567 และร้อยละ 3 จากไตรมาสที่ 4/2567 เนื่องจากงานที่เพิ่มขึ้น โดยสรุป เมอร์เมดฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 152.8  ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบยังคงแข็งแกร่ง จำนวน 683.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 1/2568

 

กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้ที่ 926.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากปี 2567 จากปริมาณการขายปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น รายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากปี 2567 จากปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากปี 2567 เป็น 46.6 พันตัน เนื่องจากปริมาณการขายปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและการส่งออก นอกจากนี้ ปริมาณขายปุ๋ยในประเทศเวียดนามคิดเป็นร้อยละ 73 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมด หรือ 34 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากปี 2567 เนื่องจากการสะสมสินค้าล่วงหน้าของผู้ค้าส่งและเกษตรกรตามการคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ปริมาณส่งออกปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 จากปี 2567 และร้อยละ 147 จากไตรมาสที่ 4/2567 เป็น 12.6 พันตัน สนับสนุนโดยปริมาณส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศฟิลิปปินส์และประเทศแถบแอฟริกาที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากพิจารณาตามประเภทของปุ๋ย มีปริมาณขายปุ๋ยเชิงผสม (NPK fertilizer) เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 จากปี 2567 และร้อยละ 10 จากไตรมาสที่ 4/2567 เป็น 41.8 พันตัน ขณะที่ปริมาณขายปุ๋ยเชิงเดี่ยว (Single fertilizer) อยู่ที่ 4.8 พันตัน ในขณะที่ รายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ จากปี 2567 เป็น 28.7 ล้านบาท โดยสรุป กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 16.4 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 423 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2567

 

กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) : พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้น

อยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 198 สาขาทั่วประเทศ

 

ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 31 สาขาทั่วประเทศ

 

กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์

บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 92.50 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 100

 

หมายเหตุ : สำหรับข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติม โปรดศึกษาได้ตามงบการเงินของบริษัทฯ