"รสนา" ถามกระทรวงพลังงานปล่อยให้ปตท. ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ขายน้ำมันและก๊าซหุงต้มแพงเกินสมควร ก.พลังงานและรัฐบาลรักษาการเกียร์ว่างไม่ต้องกำกับราคากันหรืออย่างไร!?
ช่วงที่ความสนใจของประชาชนไปอยู่ที่การเลือกประธานสภา และนายกรัฐมนตรีว่าจะเป็นใคร ทั้งรัฐบาลรักษาการ และข้าราชการถือโอกาสไม่ต้องทำงานกันแล้วใช่หรือไม่ แต่ยังรับเงินเดือนเต็มโดยไม่มีความสำนึกในการทำหน้าที่ เกียร์ว่างทั้งนักการเมืองและข้าราชการปล่อยให้ปตท.ผู้ค้าน้ำมันและก๊าซหุงต้มรายใหญ่ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่เกิน 51% เอาเปรียบประชาชนขายน้ำมัน และก๊าซหุงต้มแพงเกินสมควร ใช่หรือไม่
สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงานเคยฝากกลุ่มผีเสื้อกระพือปีกมาบอกดิฉันว่าขอให้เล่นงานเรื่องค่าการตลาดให้ถูกคน โดยอ้างว่ากบน.(กรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง) เป็นผู้ดูแลค่าการตลาด อ้างว่ากบง.(กรรมการนโยบายพลังงาน) มีหน้าที่ให้นโยบาย แต่ให้กบน.เป็นผู้ดูแลค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน และดีเซล เมื่อค่าการตลาดสูง ราคาน้ำมันที่ประชาชนซื้อย่อมแพงกว่าที่ควร จึงขอให้ไปเล่นงานให้ถูกคน คือ กบน. และ pttor !?!
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhwn765vjro3WzHk1wc1Eh9X3Nr-fhSFvWyjOw8G8YCbTgIXUln952vDUXfkwcF8sCubuXWWXZfibI9ra4aH7kt19OedYKV86rNTYuouHfB7OuCN4pktFSw8i1TTV0jFxphDE7XSRRos9GkoNIlVYo-JFvRrE7kVcJebbqxVXLkePBPNDGQwGTBApDICpNz/w640-h264/356804768_800676504765364_1459168278211829963_n.jpg)
ขอถามว่า ดิฉันมีอำนาจไปกำกับกบน.หรือ pttor อย่างนั้นหรือ ?! ช่างน่าสังเวชว่า เป็นการโยนกลองโดยไร้ความรับผิดชอบ กบง. มีรัฐมนตรีพลังงานเป็นประธาน และปลัดกระทรวงพลังงานเป็นรองประธาน แต่ กบง.ไม่มีอำนาจกำกับ อ้างว่าเป็นช่วงรักษาการเลยไม่มีอำนาจ กระนั้นหรือ !?!
ถ้ากบง.ที่มีรัฐมนตรีพลังงานเป็นประธาน ไม่มีอำนาจกำกับกบน. ที่มีรัฐมนตรีคนเดียวกันกำกับ และมีปลัดกระทรวพลังงานเป็นผู้บริหารสูงสุดของข้าราชการในสังกัดกระทรวงพลังงาน ไม่มีอำนาจทั้ง2คน ก็ไม่ควรรับเงินเดือน ใช่ไหม !?!
การอ้างว่า กบน.ดูแลค่าการตลาด แต่ไม่ทำตามนโยบายค่าการตลาดที่กบง. มีมติและ รมว.พลังงาน และปลัดพลังงาน ไม่กำกับ กบน.ให้คุมค่าการตลาดให้เป็นไปตามนโยบายตัวเอง หรือว่านโยบาย กบง.คือการถ่มน้ำลายเลยไม่มีใครต้องทำตาม ใช่หรือไม่ กบน.ปล่อยให้ค่าการตลาดทั้งเบนซินขยับสูงเกิน 3 บาท/ลิตร มานานแล้ว และกบน.มีการทดลองปล่อยค่าการตลาดดีเซลให้สูงขึ้นไป 3.3 บาท/ลิตร ดูว่าจะโดนโวยไหม พอโดนโวยก็ลดลงมาเหลือ 2.73 บาท/ลิตร ตั้งแต่ช่วง เสาร์-อาทิตย์ จนถึงวันนี้วันอังคารแล้ว ค่าการตลาดดีเซลยังอยู่ที่ 2.73 ทั้งที่ค่าการตลาดดีเซลควรอยู่ที่ไม่เกิน 1.65 บาท/ลิตร ค่าการตลาด 2.73เกินค่าการตลาดที่เหมาะสมไปถึงลิตรละ 1.08บาท/ลิตร มีการใช้ดีเซลวันละ 70 ล้านลิตร เท่ากับกบง. และกบน. ปล่อยผู้ค้าน้ำมันได้กำไรเกินสมควรถึงวันละ 75 ล้านบาท ทั้งที่สมควรเอามาลดราคาน้ำมันดีเซลให้มีราคาต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร ไม่ใช่ให้ผู้ค้าน้ำมันได้ค่าการตลาดส่วนเกินนั้น เมื่อวานผู้ค้ารายใหญ่ประกาศลดราคาเบนซินวันนี้ วันที่27 มิ.ย 30 สต./ลิตร แต่ราคาเบนซิน95 และแก๊สโซฮอล์ยังสูงลิตรละเกิน 3 บาท/ลิตร
นอกจากนี้ราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลก( LPG ) ขณะนี้อยู่ที่ 445 เหรียญต่อตันหรือ กก.ละ 15.75 บาท แต่ ปตท.ขายก๊าซหุงต้มราคาหน้าคลังฯ อยู่ที่กิโลกรัมละ 17.9256 บาท ซึ่งแพงกว่าราคาตลาดโลกกิโลกรัมละ 2.1756 บาท แสดงว่าได้กำไรเกินสมควรไปอีกถึงถัง(15 กิโลกรัม)ละ 32.634 บาททีเดียว ทั้งที่แค่ราคาตลาดโลก ปตท.ก็ได้กำไรเกินสมควรอยู่แล้ว ใช่หรือไม่
อันที่จริงก๊าซหุงต้มในประเทศเคยมีราคาหน้าคลังที่รัฐบาลควบคุมไว้ที่10บาท/กิโลกรัม ราคาขายปลีกรวมภาษีและค่าการตลาดมีราคา เพียง300 บาทต้นๆ ต่อถัง15 กิโลกรัม ก๊าซหุงต้มในประเทศผลิตได้ปีละ 3 ล้านกิโลกรัม/ปี ครัวเรือนใช้อยู่ประมาณ 2ล้านกิโลกรัม/ปี ซึ่งเพียงพอให้ประชาชนได้ใช้ก๊าซหุงต้มราคาในประเทศที่ประมาณถังละ 300 บาทเศษ
ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชารัฐประหารมา ก็เปลี่ยนกติกาให้ใช้ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศเป็นราคานำเข้า จึงเป็นราคาสมมติว่าก๊าซหุงต้มนำเข้าจากซาอุดิอารเบียทั้งหมด ทำให้ก๊าซหุงต้มในประเทศมีราคาแพงเท่าตลาดโลกบวกค่านำเข้าสมมติ ทั้งที่ไม่มีการนำเข้า ราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ตลาดโลกช่วงสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีราคาแพง ราคาก๊าซหุงต้มที่บวกราคาสมมตินำเข้าจึงมีราคาแพงเท่าตัว ก๊าซหุงต้มมีราคาถังละ 500-600 บาท จึงมีการนำกองทุนน้ำมันมาอุ้มราคาก๊าซหุงต้ม ซึ่งอุ้มราคาสูงถึงกิโลกรัมละ17 บาท/กิโลกรัม เท่ากับอุ้มราคาถังละ 255 บาท เพื่อให้ประชาชนซื้อได้ในราคาถึงละ 400 กว่าบาท โดยให้ประชาชนเป็นหนี้กองทุนน้ำมันอีกถังละกว่า 200 บาท
กองทุนน้ำมันอุ้มราคาไว้ก่อน ก็คือหนี้ที่ประชาชนต้องผ่อนชำระคืน ทั้งที่ก๊าซหุงต้มเป็นทรัพยากรที่ผลิตในประเทศที่ควรเป็นของประชาชนแท้ๆ แต่กลับถูกผ่องถ่ายไปทำกำไรให้ปตท.จากกติกาของพลเอกประยุทธ์ ใช่หรือไม่
แต่เมื่อราคาตลาดโลกลดลง ปตท.ก็ไม่ยอมลดตามราคาตลาดโลก ไม่ต่างจากราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล ที่ย้ายส่วนที่ควรลดให้ประชาชนไปไว้ในค่าการตลาด และตอนนี้มี กบน เปิดช่องให้ย้ายส่วนลดมาไว้ในกองทุนน้ำมันอีกช่องทางหนึ่ง เอาไว้ยักย้ายระหว่างกองทุนน้ำมันกับค่าการตลาดเรียกว่าเคยได้กำไรสูงจนเคยตัว เลยหาทางไม่ลดราคา แต่กักส่วนลดไปเก็บไว้ในค่าการตลาด และกองทุนน้ำมัน ซึ่งทั้ง2ช่องทางล้วนเป็นส่วนที่เป็นของเอกชนทั้งสิ้น ใช่หรือไม่
ดิฉันไม่โทษพวกผู้ประกอบการที่พยายามถีบกำไรให้สูงสุดเท่าที่ทำได้ ถ้าไม่มีกติกา กำกับ และไม่มีคนคุมกติกากำกับที่มีความเป็นธรรม กำไรสูงสุดคือสรณะของการทำธุรกิจของกลุ่มทุนพลังงาน และกลุ่มทุนผูกขาดทั้งหลาย แต่การที่กลุ่มธุรกิจเอกชนสามารถทำกำไรเกินสมควร จนเอาเปรียบประชาชนได้ ล้วนมาจากอำนาจของรัฐบาล ทั้งสิ้น ที่ประกอบด้วยพวกนักการเมืองและข้าราชการที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ที่ไม่กำกับดูแล ในฐานะที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ข้าราชการ และนักการเมืองมีเครื่องมือในการกำกับดูแลให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ค้าขายทำกำไร กับ ราคาสินค้าที่ประชาชนต้องจ่าย ให้เหมาะสม แต่ทั้งนักการเมืองและข้าราชการที่ไม่ทำหน้าที่กำกับ ดูแลนโยบายตามที่ตัวเองประกาศออกไป เป็นผู้ที่สมควรที่จะถูกลงโทษ ใช่หรือไม่
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhdJYAY2O9iU64nrmtt8lDf4iXyW_Z4zERN0zgAlvU7sNp2NonqjCk332HZPF9MwBT1IrYfsppvOqUTvGSwmC4Gdy3xrrx2NC0OCaS7azNiddxdpj7yFcS9E8vnG9fZsbK-RNbFGxkotr_1qmq9WX-nBEvAyTPzJqUEhEwQB-jAkya0l84JL-WkNa8m0cfW/w640-h566/356854179_800676494765365_6837614574301699572_n.jpg)
พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลสมควรรับรู้ว่า เหตุใดพรรครัฐบาลเดิมจึงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก สาเหตุประการหนึ่งก็คือ การอุ้มกลุ่มทุนพลังงานจนเกินพอดี โดยไม่สนใจดูแลประชาชน
ขอให้พรรคการเมืองที่จะมาเป็นรัฐบาลใหม่สำเหนียกไว้ให้ดีถึงความทุกข์แสนสาหัสเรื่องปากท้องของประชาชนตลอดเวลา 9 ปีที่ผ่านมา และต้องแก้ไขสิ่งผิด สิ่งแพงตามกติกามั่วซั่วให้ถูกลงและเป็นธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะราคาพลังงานที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจไทย และค่าครองชีพของประชาชน อย่าย่ำซ้ำรอยเดิมของรัฐบาลในอดีต มิฉะนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าท่านก็จะไม่ได้กลับมาอีกเหมือนรัฐบาลชุดที่กำลังจะจากไป
รสนา โตสิตระกูล
27 มิถุนายน 2566