ชีวิตเป็นไปดัง คำทำนาย ของ.. "ดุสดี แพ่งสภา"
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : พีระรัตน์ ธรรมจง
ชีวิตเป็นไปดัง คำทำนาย ของ.. "ดุสดี แพ่งสภา"
"ชีวิตคนในสังคมไฮโซมีหลากหลาย เรื่องราวที่เล่าขานให้ได้ยิน อยู่เป็นประจำ นั่นก็คือ คนเรามีเงินทองมากมาย เข้าสังคมเพื่อต้องการ มีชื่อเสียงอยู่ในสังคมระดับสูง บางคนเข้าสังคมเพื่อมุ่งหวัง ผลประโยชน์ทางธุรกิจ คนบางกลุ่มเข้าสังคมเพื่อ ต้องการเพื่อนเอาไว้สังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่บางกลุ่มก็ต้องการ เม้าท์แตกไฮโซในแง่ลบ" นี่คือสัจธรรมอย่างหนึ่งของสังคมไฮโซ ที่ "เอส" ดุสดี แพ่งสภา สะท้อนออกมาให้เห็น
จุดประสงค์ของการเข้าสู่สังคมไฮโซนั้น ดุสดี บอกว่า ชีวิตวันนี้ของตนเองไม่ได้เข้าสังคมเพื่อมุ่งหวังทางธุรกิจ แต่เราเข้าสังคมเพื่อต้องการสร้างสีสันให้กับตัวเอง ได้พูดคุยกับเพื่อนๆ โดยไม่มีสิ่งใดแอบแฝง ชีวิตกว่าจะมายืนอยู่ในสังคมนี้ได้ ถ้าว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จนมาวันหนึ่งได้พบสัจธรรมชีวิตที่ว่า
"ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ไม่ว่าคนเราจะมีงานเลี้ยงกี่วันก็ต้องมีวันเลิกจนได้ จะจัดงานกี่งานทุกงานก็ต้องเลิก ไม่ต่างอะไรกับชีวิต มีเกิดก็ต้องมีตาย คนเราเกิดมาทุกคน ต้องประสบกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ตรงนี้คนเราต่างหาก ที่จะทำอย่างไรให้เราเดินอยู่บนทางสายกลาง ไม่ตึงและไม่หย่อนเกินไป บางคนไปยึดมั่นอะไรบางอย่างมากเกินไปก็ทำให้ตกลงมาเจ็บไม่น้อย"
อย่างไรก็ตาม ผุสดี ยืนยันว่า ครั้งหนึ่งไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหมอดูคนไหนเลย กระทั่งวันหนึ่ง หมอหยอง (อ.สุริยัน อริยวงศ์โสภณ) ผู้มีชื่อเสียงทางด้านนี้ ซึ่งจะให้หมอหยองดูต้องรอคิวเป็นเดือนๆ
ด้วยใจที่ไม่เชื่อเป็นที่ตั้งจึงได้ไปกับภรรยา แล้วก็ได้ให้วันเดือนปีเกิดกับหมอหยอง ทันใดนั้นเองหมอหยองในร่างทรงก็พูดขึ้นมาแบบโกรธว่า "มึงไม่เชื่อก็ไม่ต้องพูด เดี๋ยวจะพูดให้ฟัง" ในใจก็คิดว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเราคิดอะไร
"มึงไม่เชื่อมึงมาทำไม ดวงเอ็งจะไปไกลจะเอาเหล็กเข้ามาเยอะแยะ"
แล้วก็เป็นจริงเพราะไม่นานก็ได้นำรถเบนซ์เก่าเข้ามาขายในเมืองไทย แล้วทำนายต่อว่าวันหนึ่งจะมีคนเอาที่ดินมาขายให้ซื้อเลยนะ ผลปรากฏว่า มีญาติจะขายที่ดินให้
"นั่นก็เป็นที่มาของการทำธุรกิจที่ดิน มาวันนี้ผมจึงคิดว่า ผมเชื่อในเรื่องนี้ว่าสิ่งเร้นลับบนโลกนี้น่าจะมีอยู่จริง" นี่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับการดูหมอ
สำหรับประสบการณ์การเห็นผีนั้น ดุสดี เล่าว่า หลายปีก่อนมีคนขับรถบรรทุกหินเพื่อจะนำหินมาลงที่บ้าน ระหว่างมาถึงก็เห็นมีคนนุ่งผ้าขาวม้ามาโบกรถให้เอาหินลงตรงนั้นตรงนี้ ประมาณสองวันต่อมาคนขับรถบรรทุกหินคนเดิมก็เอาหินมาลงตามเดิมอีกครั้ง
มาคราวนี้ก็เห็น รปภ.ประจำบ้านคนเดิมแต่งตัวดีมาคุมการลงหินให้ก็เลยถามว่า เปลี่ยน รปภ.คนใหม่เพราะว่ามาครั้งก่อนไม่ใช่คนนี้ ขณะเดียวกัน รปภ.ประจำบ้านคนนี้ได้เล่าให้ฟังว่า มีคนมาเข้าฝันว่า อย่าทำอะไรที่ไม่ดี ให้ทำตัวดีๆ จึงเชื่อกันว่าน่าจะเป็นเจ้าที่ของบ้านหลังนี้เพราะหลังจากนั้นก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง
ดุสดี บอกด้วยว่า ในวัยเด็กเป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง ชอบซื้อหนังสือพระเครื่องทุกเล่มที่มีอยู่บนแผง แล้วก็ตามญาติไปที่ตลาดพระเครื่อง วัดราชนัดดา พร้อมกับพกกล้องส่องพระ หัดดูตำหนิ จนมีความคุ้นเคย ขนาดหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ที่ท่านมรณภาพไปแล้ว ซึ่งก็ได้เดินทางไปกราบสักการะองค์ท่าน มีเรื่องเล่ากันว่าเวลาที่หลวงพ่อแดงบ้วนเสมหะลงพื้น ลูกศิษย์จะก้มลงไปเลียทันทีเพราะเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ในช่วงนั้นอยู่ในวังวนของความเชื่อเหล่านั้น
ส่วนการแขวนพระนั้น ดุสดี บอกว่า ก่อนหน้านี้เคยแขวนพระเครื่อง ๕ องค์ ตามประสาวัยรุ่น ระยะหลังมีความรู้สึกว่าให้เชื่อตัวเองมากกว่า ทำให้ไม่ค่อยได้แขวนพระบ่อยครั้งนัก ส่วนองค์พระที่สะสมไว้ประกอบด้วยพระสมเด็จวัดระฆัง เกศไชโย หลวงพ่อหินศักดิ์สิทธิ์นฤมิตมหามงคล ปี ๒๕๐๖ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ปี ๒๕๑๓ หลวงพ่อวัดปากน้ำ รุ่น ๖ จุดมุ่งหมายของการแขวนพระเครื่องก็เพื่อต้องการความมีเมตตามหานิยม